คนมักจะพูดเสมอว่า แผงที่ดีต้องเป็นแผงแบบ “Tier-1” หลายคนคงสงสัยใช่ไหมครับว่า แผง Tier 1 คืออะไร เกี่ยวกับคุณภาพหรือไม่? แล้วแผง Tier 2 Tier 3 หละ ดีไหม? ใช้ได้หรือเปล่า วันนี้ คุ้มไวโซล่า เราจะมาเจาะลึกว่า แผง Tier-1 คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ รวมถึงการรวบรวมรายชื่อผู้ผลิตแผง Tier 1 ล่าสุดสำหรับปี 2025 (ไตรมาส 2) จะมีใครกันบ้างเราตามมาดูกันเลย
แผงโซล่าเซลล์ Tier-1 คืออะไร?
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า “Tier-1” คือการจัดอันดับคุณภาพแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งไม่ถูกต้องซะทีเดียว ในความเป็นจริงแล้ว Tier 1 นี่คือการจัดอันดับสถานะทางการเงินและความน่าเชื่อถือของผู้ผลิตโดย BloombergNEF (BNEF) ซึ่งเป็นสถาบันวิเคราะห์ข้อมูลพลังงานระดับโลกต่างหาก ไม่ใช่คุณภาพแผงแต่อย่างใด
โดยลักเกณฑ์กว่าจะได้ Tier 1 มานั้น ผู้ผลิตจะต้องมีผลงานการเป็นผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ให้กับโครงการขนาดใหญ่ (มากกว่า 1.5 เมกะวัตต์) ที่ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารอย่างน้อย 6 โครงการ ภายในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
ทำไม Tier-1 จึงสำคัญ?
1. เสถียรภาพทางการเงิน มั่นคง
บริษัทใน Tier-1 มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ลดความเสี่ยงที่บริษัทจะล้มละลายและไม่สามารถรับผิดชอบต่อการรับประกันสินค้าระยะยาวได้ เพราะโซล่าเซลล์ต้องประกันยาวๆหลายสิบปี การเลือกบริษัทที่แข็งเกร่งย่อยดีกว่าเสมอ
2. ความน่าเชื่อถือด้านซัพพลาย สามารถผลิตได้จำนวนมาก
บริษัท Tier 1 มีกำลังการผลิตสูง สามารถจัดส่งสินค้าได้จำนวนมากตามกำหนด ไม่หลุด Spec ลดความเสี่ยงของโครงการหยุดชะงัก
3. บริการหลังการขาย ดีเยี่ยมแน่นอน
แผง Tier1 มีตัวแทนที่ชัดเจนในประเทศไทย ทำให้การเคลมประกันหรือการขอรับบริการทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่า
ดังนั้น การเลือกใช้แผงจากผู้ผลิต Tier-1 จึงเปรียบเสมือนการซื้อความสบายใจ ลดความเสี่ยงด้านการลงทุน โดยเฉพาะสำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องการความมั่นคงสูงสุด แต่ไม่ได้สื่อถึงคุณภาพของแผงโดยตรง
อัปเดตล่าสุด รายชื่อผู้ผลิตแผงโซลาร์ Tier-1 และกำลังการผลิต (Q2 2025)
วงการโซลาร์เซลล์มีการแข่งขันที่ดุเดือดอยู่เสมอ เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งผู้ผลิตจากประเทศจีนยังคงครองส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ ได้เปรียบเรื่องนวัตกรรมและกำลังการผลิตมหาศาล และ นี่คือ 10 อันดับแรกของผู้ผลิต Tier-1 ตามกำลังการผลิตที่คาดการณ์ล่าสุดครับ
ที่มา: ข้อมูลสังเคราะห์จาก BloombergNEF Q1/Q2 2025 และรายงานอุตสาหกรรม
ข้อสังเกต: แบรนด์ยุโรปและอเมริกาที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพสูงอย่าง Meyer Burger และ Maxeon (SunPower) ยังคงอยู่ใน Tier-1 แต่เนื่องจากมีกำลังการผลิตไม่ถึงระดับ 2 GW จึงไม่ติด 10 อันดับแรกด้านกำลังการผลิต
การเลือกแผง Tier-1 ต้องดูคุณสมบัติแผงอะไรบ้าง
การมีรายชื่ออยู่ใน Tier-1 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบริษัทผลิตโซล่าเซลล์ที่มั่นคงเท่านั้น ถ้าจะดูเรื่องคุณภาพของแผง คุณสมบัติของแผงว่าดีหรือไม่ ต้องพิจารณาคุณสมบัติทางเทคนิคเหล่านี้ประกอบครับ และนี่คือคุณสมบัติหลักๆที่ผู้ซื้อโซล่าเซลล์ทุกท่านควรทราบ ในการเลือกซื้อ
- ค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิ (Temperature Coefficient, Pmax): ค่านี้สำคัญที่สุดสำหรับเมืองไทย เพราะค่านี้บอกว่าประสิทธิภาพจะลดลงเท่าไหร่เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น มองหาค่าที่ใกล้ -0.30%/°C หรือต่ำกว่า ยิ่งค่านี้น้อยเท่าไหร่ แผงยิ่งผลิตไฟได้ดีในวันที่อากาศร้อนจัด
- เทคโนโลยีเซลล์ (Cell Technology): ปัจจุบันเทคโนโลยี N-type กำลังมาแรงและให้ประสิทธิภาพสูงกว่า P-type แบบดั้งเดิม ทั้งในด้านกำลังผลิตและการทนทานต่อความร้อน ถ้าจะเลือกแผง ณ ปัจจุบัน แนะนำเจาะจงเลือก N-type ครับ
- วัสดุและโครงสร้าง: เลือกใช้กระจกนิรภัย (Tempered Glass) ที่ทนทาน และแผ่นฟิล์มด้านหลังเป็น POE (Polyolefin Elastomer) ซึ่งทนทานต่อความชื้นได้ดีกว่า EVA แบบเก่า เหมาะกับสภาพอากาศของไทย
- การรับประกัน (Warranty): มาตรฐานใหม่ของวงการคือ รับประกันผลิตภัณฑ์ 25 ปี และรับประกันประสิทธิภาพเชิงเส้น 30 ปี โดยต้องการันตีว่าประสิทธิภาพ ณ ปีที่ 30 จะยังคงเหลืออยู่ ไม่ต่ำกว่า 87.4%
- กำลังวัตต์ต่อแผง: สำหรับบ้านที่มีพื้นที่หลังคาจำกัด การเลือกแผงที่มีกำลังวัตต์สูง (เช่น 560W ขึ้นไป) จะช่วยให้ได้กำลังการผลิตรวมสูงในพื้นที่ที่เท่ากัน ในสมัยก่อน แผนจะมีกำลังผลิตมาตรฐานประมาณ 500-550W แต่ในปัจจุบัน แผงที่มีกำลังผลิต มากกว่า 600 W ขึ้นไปเริ่มมีให้เลือกมากแล้ว
- บริการหลังการขายในไทย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ผลิตมีตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือในประเทศไทย มีคลังสินค้าสำหรับสต็อกอะไหล่ และมีกระบวนการเคลมที่รวดเร็วหรือไม่
5 แบรนด์ Solarcell Tier-1 แห่งปี 2025 มีอะไรบ้าง?
ถ้าจะให้แนะนำบริษัท Tier 1 ที่ขายดีในประเทศไทย คุ้มไว โซล่า ขอแนะนำแผง 5 ยี่ห้อ ดังนี้
- LONGi: ผู้นำตลาดที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยี N-type เต็มตัว ชูโรงด้วยเทคโนโลยี HPBC (Hybrid Passivated Back Contact) ที่ให้ความสวยงาม และทำสถิติประสิทธิภาพโมดูลเชิงพาณิชย์ได้สูงถึง 24.8%
- Jinko Solar: โดดเด่นด้วยซีรีส์ Tiger Neo (TOPCon) ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในตลาดโลก ทำสถิติประสิทธิภาพโมดูลสูงสุดได้ถึง 25.58% และให้การรับประกันประสิทธิภาพที่ยาวนาน
- Trina Solar: นำเสนอแผงกำลังผลิตสูงซีรีส์ Vertex N ที่สูงเกิน 700W ช่วยลดจำนวนแผงที่ต้องใช้ ลดต้นทุนโครงสร้างและเวลาติดตั้ง มาพร้อมกระจกที่บางลง 2.0 มม. เพื่อลดน้ำหนัก
- JA Solar: ซีรีส์ DeepBlue 4.0 Pro เน้นการสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าสูงสุด โดยเคลมว่าสามารถลดต้นทุนปรับสมดุลของระบบ (BOS) และต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วย (LCOE) ได้ดีที่สุดในกลุ่มผู้ผลิต Top 4
- First Solar: ตัวเลือกที่แตกต่างด้วยเทคโนโลยี ฟิล์มบาง (Thin-film) Cadmium Telluride (CadTel) มีจุดเด่นที่ค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิต่ำมาก ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้ดีกว่าแผงซิลิคอนทั่วไป 4-6% ในสภาวะที่อุณหภูมิสูงจัด
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับบริษัทโซล่าเซลล์ Tier1 (FAQ)
Q: Tier-1 คือการรับประกันคุณภาพใช่หรือไม่?
A: ไม่ใช่โดยตรง Tier-1 เป็นตัวชี้วัดความมั่นคงทางการเงินและความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต (Bankability) ซึ่งเหมาะกับโครงการที่ต้องการการค้ำประกันจากธนาคาร อย่างไรก็ตาม บริษัทเหล่านี้มักมีมาตรฐานการผลิตและ R&D ที่สูง ซึ่งมักจะส่งผลดีต่อคุณภาพสินค้าด้วย
Q: แบรนด์ต่างๆ สามารถหลุดจาก Tier-1 ได้หรือไม่?
A: ได้ หากบริษัทไม่ผ่านเกณฑ์ Bankability ในรอบการประเมินรายไตรมาส (เช่น ไม่มีโปรเจกต์ใหม่ที่เข้าเกณฑ์ใน 2 ปี) หรือมีปัญหาด้านการเงิน ก็สามารถถูกถอดออกจากลิสต์ได้
Q: ซื้อแผง Tier-2 หรือ Tier-3 ได้หรือไม่?
A: ได้ หากแผงเหล่านั้นผ่านการรับรองมาตรฐานสากลที่จำเป็น เช่น IEC-61215 (การออกแบบ) และ IEC-61730 (ความปลอดภัย) อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาความเสี่ยงด้านการรับประกันระยะยาว และอาจต้องเผื่อค่าเสื่อมประสิทธิภาพที่สูงกว่าเล็กน้อยในการออกแบบระบบ
สรุป
Tier-1 Solar Panel List 2025 คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยคัดกรองผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง ช่วยลดความเสี่ยงด้านการลงทุนให้กับเจ้าของบ้านและผู้ประกอบการโรงงานในไทยได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่อยากซื้อแผงด้วยความมั่นใจสูงสุด ควรเลือกแบรนด์ใน 10 อันดับแรก และดูคุณสมับิตเน้นเทคโนโลยี N-type ที่มีค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิต่ำ และมีการรับประกันที่ยาวนาน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนการผลิตไฟฟ้าที่คุ้มค่าที่สุดในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยตลอดอายุการใช้งาน 25-30 ปี นั่นเอง