อินเวอร์เตอร์ (String Inverter) vs. ไมโครอินเวอร์เตอร์ (Micro-inverter) เลือกแบบไหนดี?
อินเวอร์เตอร์ คือ หัวใจของระบบโซล่าเซลล์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยแปลงไฟ DC จากแผงให้กลายเป็นไฟ AC ใช้ในบ้านในปัจจุบัน ซึ่ง inverter มี 2 แบบให้เลือก ได้แก่ อินเวอร์เตอร์กลาง (Central) และ ไมโครอินเวอร์เตอร์ (Micro-inverter) บทความนี้จะอธิบายหลักการทำงาน จุดเด่น-จุดด้อย ต้นทุน และแนวทางเลือกให้เหมาะกับสถานการณ์ของคุณ จะมีจุดไหนบ้างที่น่าสนใจ เรามาดูกันเลยครับ
1. อินเวอร์เตอร์กลาง (String Inverter) คืออะไร?
อินเวอร์เตอร์กลาง (string inverter) คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รวมกระแสไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จากแผงหลาย ๆ โมดูลต่ออนุกรมเป็น “สตริง” แล้วแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เพียงจุดเดียวก่อนจ่ายเข้าระบบบ้านหรือโรงงาน ทำให้เหมาะกับหลังคาที่หันทิศเดียว ไร้เงาบดบัง และไม่ต้องการขยายระบบบ่อย ๆ
ข้อดีของอินเวอร์เตอร์กลาง
-
ต้นทุนต่อ Watt ต่ำสุด เนื่องจากอุปกรณ์น้อยกว่ามาก
-
จุดซ่อมบำรุงน้อย บำรุงรักษาง่าย
-
ประสิทธิภาพสูง 97–99 % (เช่น Huawei SUN2000 98.6 %)
ข้อเสียของอินเวอร์เตอร์กลาง
-
สตริงทั้งชุดถูกจำกัดโดยแผงที่อ่อนที่สุด (mismatch/shading loss)
-
หากอินเวอร์เตอร์เสีย ระบบทั้งสตริงหยุดผลิต
-
การออกแบบต้องให้ทุกแผงมุมเอียง ทิศเดียวกัน ไม่เช่นนั้นการผลิตจะน้อยทั้งระบบ
2. ไมโครอินเวอร์เตอร์ (Micro-inverter) คืออะไร?
ไมโครอินเวอร์เตอร์ (micro-inverter) คือ อุปกรณ์ที่ย่อส่วนอินเวอร์เตอร์ไปติดหลังแผงแต่ละแผง แปลง DC → AC ตั้งแต่บนหลังคา แต่ละโมดูลจึงมี MPPT ของตัวเอง เมื่อแผงใดแผงหนึ่งได้รับแสงน้อยก็ไม่ดึงประสิทธิภาพของแผงอื่นลง ให้พลังงานรวมต่อปีสูงขึ้น พร้อมระบบมอนิเตอร์รายแผงและความปลอดภัยด้านแรงดัน DC ที่ดีกว่า
ข้อดีของไมโครอินเวอร์เตอร์
-
ผลิตไฟมากขึ้น 5–25 % ในสภาวะเงาบังหรือหลายทิศ
-
Monitoring รายแผง ตรวจจับปัญหาได้รวดเร็ว
-
ความปลอดภัยสูง แรงดัน DC บนหลังคาต่ำมาก
-
ระบบยืดหยุ่น ขยายเพิ่มง่าย แผงต่างสเปกหรือต่างทิศได้
-
รุ่นใหม่ (เช่น Enphase IQ8X) ทำงานรูปแบบไมโครกริดได้แม้ไฟดับ
ข้อเสียของไมโครอินเวอร์เตอร์
-
Microinverter ราคาสูงกว่า อินเวอร์เตอร์กลาง 20-40 % ต่อ W ติดตั้ง
-
จุดอิเล็กทรอนิกส์บนหลังคามากขึ้น เสี่ยงความร้อนสูง
-
ซ่อมยาก เพราะต้องปีนหลังคาถอดแผงแต่ละแผง
3. ตารางเปรียบเทียบ central inverter vs micro inverter
คุณสมบัติ | อินเวอร์เตอร์กลาง | ไมโครอินเวอร์เตอร์ |
---|---|---|
โมดูล MPPT | ระดับสตริง (2-4 ช่อง) | รายแผง |
ผลกระทบเงาบัง | สูง (ทั้งสตริง) | ต่ำ (เฉพาะแผง) |
ต้นทุนติดตั้ง | ต่ำสุด | สูงกว่า ~20-40 % |
ขยายระบบ | จำกัดโดยแรงดันสตริง | เพิ่มแผงง่าย |
จุดเสียหายเดี่ยว | อินเวอร์เตอร์ตัวเดียว | หลายตัว เลิกทำงานเฉพาะแผง |
อายุการรับประกันทั่วไป | 5-12 ปี | 20-25 ปี (เช่น Enphase) |
เหมาะกับหลังคา | ราบ เงาน้อย ทิศเดียว | หลายทิศ เงาบังบางช่วง ขยายอนาคต |
4. เลือกอินเวอเตอร์แบบไหนดี แบบธรรมดาหรือไมโครอินเวอร์เตอร์?
-
ถ้าหลังคาเรียบไม่มีเงา → อินเวอร์เตอร์กลางคุ้มกว่า
-
ถ้ามีต้นไม้ ปล่อง หรือหลายทิศ → ไมโครอินเวอร์เตอร์ให้ kWh/ปี สูงกว่า
-
ถ้าคำนึงถึงความปลอดภัย → ไมโครอินเวอร์เตอร์ดีที่สุด (เพราะแรงดันไฟฟ้าต่ำ)
-
ถ้างบประมาณเป็นตัวแปรหลัก → เริ่มด้วยอินเวอร์เตอร์กลาง + หรืออาจจะเลือกติด Optimizer บางแผงก็ได้ (ตัวเลือกกึ่งกลาง)
สรุป
หากหลังคาเรียบ เงาบังต่ำ และต้องการต้นทุนเริ่มต้นต่ำ อินเวอร์เตอร์กลางยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าหลังคาซับซ้อน มีเงาบัง หรือให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการมอนิเตอร์รายแผง ไมโครอินเวอร์เตอร์จะเพิ่มพลังงานต่อปีและความสบายใจในระยะยาว เพราะฉะนั้นไม่มีแบบไหนที่ดีที่สุด แต่จะขึ้นอยู่กับการเลือกใช้นั่นเองครับ