ปัจจุบันการติดตั้งโซลาร์เซลล์บ้านในประเทศไทยเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น และเทคโนโลยีของ Inverter ก็พัฒนาไปมากแล้วเช่นกัน การใช้ไมโครอินเวอร์เตอร์ (Microinverter) ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของหลายๆบ้าน และด้วยราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น Micro inverter จึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของผู้ที่ต้องการติด SolarCell ในปี 2025 นี้
วันนี้ คุ้มไว โซล่า จะพาคุณไปทำความรู้จักว่าไมโครอินเวอร์เตอร์คืออะไร? มีข้อดีกว่าอินเวอร์เตอร์ทั่วไปอย่างไรบ้าง? มาพร้อมรีวิว 5 แบรนด์ไมโครอินเวอเตอร์ชั้นนำ และแนะนำวิธีเลือกให้เหมาะกับบ้านของคุณกันครับ
เรามาเริ่มกันก่อนครับว่า Micro Inverter คืออะไร? ทำไมถึงมาแรงในปีนี้
Micro Inverter คืออะไร?
ไมโครอินเวอร์เตอร์ คือ อุปกรณ์แปลงไฟ DC‑AC ระดับ แผงต่อแผง ซึ่งจะติดอยู่หลังแผงทุกแผง หรือในบางรุ่นอาจเป็นต่อ Micro Inverter 1ตัว ต่อหลายแผง เช่น 1:2 หรือ 1:4 ซึ่งจะต่างจากระบบสตริงอินเวอร์เตอร์ซึ่งเป็น inverter แบบศูนย์กลางตัวเดียว ต่อกับแผงหลายๆแผ่นในทีเดียว
จุดเด่นของ Micro Inverter มีอะไรบ้าง?
- Micro Inverter มีประสิทธิภาพสูงสุดแม้มีเงาบัง: หากแผงใดแผงหนึ่งถูกเงาบัง ไม่ว่าจะเป็น เมฆ ใบไม้ หรือมีฝุ่นเกาะ ประสิทธิภาพของแผงนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟของแผงอื่นๆในระบบ ทำให้ภาพรวมยังคงผลิตไฟฟ้าได้เต็มที่
- Micro Inverter มีความปลอดภัยที่เหนือกว่า: ไมโครอินเวอร์เตอร์ทำงานกับไฟฟ้าแรงดันต่ำ (Low-Voltage DC) จึงลดความเสี่ยงจากไฟดูดได้อย่างมาก
- Micro Inverter มีฟังก์ชัน Rapid Shutdown: มาพร้อมระบบหยุดการทำงานฉุกเฉินที่ตัวแผง ซึ่งเป็นข้อกำหนดด้านความปลอดภัยล่าสุด
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ไมโครอินเวอร์เตอร์จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับหลังคาบ้านที่มีความซับซ้อน มีหลายทิศทาง หรือมีโอกาสเกิดเงาบดบังบ่อยครั้งนั่นเอง
ต่อมาเรามาดูกันครับว่า ก่อนเลือกซื้อ Micro Inverter เราควรจะต้องรู้อะไรกันบ้าง? ตามมาดูกันเลย
5 เกณฑ์สำคัญที่ต้องรู้ ก่อนเลือกซื้อไมโครอินเวอร์เตอร์
ก่อนตัดสินใจลงทุนทั้งที ควรพิจารณาคุณสมบัติสำคัญของ micro inverter นอกเหนือจากยี่ห้อ เราต้องดูอะไรกันบ้าง
- กำลังการผลิตและประสิทธิภาพ (Power & Efficiency): เลือกรุ่นที่รองรับกำลังไฟ (Wp) ของแผงโซลาร์เซลล์ได้ และมีค่าประสิทธิภาพ (CEC/Peak Efficiency) สูง เพื่อการแปลงไฟที่คุ้มค่า
- ระบบสื่อสารและการติดตามผล (Communication & Monitoring): ระบบที่ดีควรมาพร้อมการเชื่อมต่อที่เสถียร เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานรายแผงได้ผ่าน Application ได้แบบ Real time ได้
- ฟังก์ชันความปลอดภัยและมาตรฐาน: ตรวจสอบว่าผ่านมาตรฐานความปลอดภัยที่จำเป็น เช่น มอก. IEC 62109 และ UL 1741-SB เช่น มีระบบ Rapid Shutdown ในตัว
- การรับประกันและอายุการใช้งาน: ปัจจุบันการรับประกัน Micro Inverter 25 ปี กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งจะรับประกันเท่ากับอายุการใช้งานของแผงโซลาร์เซลล์ ทำให้มั่นใจได้ในระยะยาว มิเช่นนั้นถ้าเปลี่ยน inverter ก่อนแผง ต้องรื้อมาใหม่ทุกแผง ทำให้การคืนทุนช้าไปอีก
- การรองรับระบบ Hybrid และแบตเตอรี่ในอนาคร: เพื่อการต่อยอดในอนาคต ควรมองหารุ่นที่สามารถทำงานร่วมกับระบบแบตเตอรี่ได้
รีวิว 5 แบรนด์ไมโครอินเวอร์เตอร์ยอดฮิตประจำปี 2025
ปี 2025 ถือเป็นปีทองของตลาดไมโครอินเวอร์เตอร์ โดยมีแบรนด์ชั้นนำ ที่เข้ามาทำการตลาดในไทยที่น่าสนใจดังนี้
1. Enphase – ผู้นำด้านไมโครกริดอัจฉริยะ (IQ8 Series)
Enphase คือ ผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำตลาด Micro Inverter อย่างแท้จริง โดยมีรุ่น IQ8 Series ถือเป็นไมโครอินเวอร์เตอร์อัจฉริยะที่สามารถสร้างโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็กของตัวเองได้ทำให้ทำงานได้ทั้ง On-grid และ Off-grid
จุดเด่นของ Enphase Microinverter
- สำรองไฟได้แม้ไม่มีแบตเตอรี่ : สามารถจ่ายไฟให้โหลดสำคัญได้ในตอนกลางวัน แม้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าจะดับ
- อัปเดตเฟิร์มแวร์อัตโนมัติ: ระบบจะ update ให้ทันสมัยและปลอดภัยอยู่เสมอ
- รองรับแผงกำลังสูง: Enphase Microinverter ถูกออกแบบมารับมือแผงโซลาร์เซลล์ยุคใหม่ที่มีกำลังผลิตสูงกว่า 600W
2. Hoymiles – ที่สุดแห่งความเบาและติดตั้งง่าย (MiS Series 2025)
Hoymiles สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว MiS Series ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในตลาด (เพียง 2.43 ปอนด์ หรือประมาณ 1.1 กก.) ช่วยลดเวลาและแรงงานในการติดตั้งบนหลังคาได้ถึง 70% มาพร้อมประสิทธิภาพระดับเยี่ยม
จุดเด่นของ Hoymiles Microinverter
- น้ำหนักเบา ติดตั้งเร็ว: ลดภาระโครงสร้าง และ ด้วยน้ำหนักเบา ทำให้ช่างติดตั้งได้ง่าย
- ครบทุกความต้องการ: มีตัวเลือกทั้ง 1 เฟส และ 3 เฟส
- ระบบ “Open Energy”: ออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับระบบแบตเตอรี่ Hybrid ได้อย่างลงตัว
3. APsystems – ประสิทธิภาพสูงพร้อมการรับประกัน 25 ปี (DS3 Series)
APsystems DS3 Series เป็นไมโครอินเวอร์เตอร์ Gen ที่ 3 แบบ Dual-Module (1 เครื่องต่อ 2 แผง) ที่ให้ประสิทธิภาพสูงถึง 97% และล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ได้ประกาศขยายการรับประกันมาตรฐานเป็น 25 ปีเต็ม
จุดเด่นของ APsystems Microinverter
- MPPT คู่อิสระ: ทำให้แต่ละแผงที่ต่ออยู่กับเครื่องทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด
- ส่วนประกอบน้อยลง 20%: เพิ่มความเสถียรและความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์
- การสื่อสารแบบเข้ารหัส: ใช้ Zigbee ที่มีความปลอดภัยสูงในการส่งข้อมูล
4. Projoy – เน้นความปลอดภัยสูงสุด (MS Series)
Projoy ชูจุดเด่นเรื่องความปลอดภัย Safety First ด้วย MS Series ที่มีตัวเลือกหลากหลายตั้งแต่ 1-in-1 ถึง 6-in-1 (300W – 6000W) มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67 และครีบระบายความร้อนขนาดใหญ่เพื่อความทนทาน
จุดเด่นของ Projoy Microinverter
- Rapid Shutdown ในตัว: ฟังก์ชันหยุดทำงานฉุกเฉินระดับโมดูลติดตั้งมาพร้อมกับเครื่อง
- ตอบโจทย์หลังคาใหญ่: รุ่น 6-in-1 ช่วยลดจำนวนอุปกรณ์และจุดติดตั้งบนหลังคาขนาดใหญ่ได้ดี
- แพลตฟอร์ม M-Cloud: ช่วยติดตามผลการผลิตและสถานะระบบได้แบบเรียลไทม์
5. Deye – ตัวเลือกสุดคุ้มค่า (SUN-G3 Series)
สำหรับผู้ที่มองหาโซลูชันที่คุ้มค่า Deye SUN-G3 Series (600–1000W) เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ มาพร้อมฟังก์ชันที่จำเป็นครบครัน ทั้ง 2 MPPT, การเชื่อมต่อ Wi-Fi/Zigbee, มาตรฐาน IP67 และ Rapid Shutdown
จุดเด่นของ Deye Microinverter
- เหมาะกับระบบ 2 แผง: ติดตั้งง่ายและจัดการสะดวกสำหรับระบบขนาดเล็ก
- ต่อพ่วงได้หลายชุด: รองรับการต่ออนุกรมได้สูงสุดถึง 8 เครื่องต่อหนึ่งสาย
- แอปพลิเคชันใช้งานง่าย: ให้ข้อมูลสถิติการผลิตผ่านสมาร์ทโฟนอย่างละเอียด
ตารางเปรียบเทียบสเปกหลัก (อัปเดต ก.ค. 2025)
| แบรนด์ | รุ่นเด่น 2025 | กำลัง (VA/W) | Peak Efficiency | การสื่อสาร | Rapid Shutdown | รับประกัน (ปี) |
|---|---|---|---|---|---|---|
| Enphase | IQ8‑HC | 366 VA | 97.5 % | PLC | มี | 25 |
| Hoymiles | MiS 1‑in‑1 | 350‑800 | 96.7 % | Wi‑Fi/Zigbee | มี | 12 (ขยายเพิ่มได้) |
| APsystems | DS3‑L | 748 | 97 % | Zigbee | มี | 25 |
| Projoy | MS 4‑in‑1 | 1600‑2250 | 97.2 % | PLC | มี | 12–25 |
| Deye | SUN600G3 | 600 | 96.5 % | Wi‑Fi/Zigbee | มี | 10 |
หมายเหตุ: ค่าสูงสุดอ้างอิง datasheet ผู้ผลิต กำลังและประสิทธิภาพอาจแตกต่างตามรุ่นย่อยและอุณหภูมิใช้งาน
5 เทคนิคเลือกไมโครอินเวอร์เตอร์อย่างไร ให้เหมาะกับบ้านของคุณ
- จับคู่กำลังไฟให้เหมาะสม: เลือกกำลังไฟ AC ของไมโครอินเวอร์เตอร์ให้ได้ประมาณ 80% ขึ้นไป เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์
- ตรวจสอบใบอนุญาต: เลือกรุ่นที่ผ่านการรับรองจาก PEA/MEA และมีมาตรฐาน UL 1741-SB/IEC 62109 เพื่อให้มั่นใจว่าระบบของคุณถูกต้องตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัย
- พิจารณาเงื่อนไขการรับประกัน: หากหลังคาของคุณเข้าถึงเพื่อซ่อมบำรุงได้ยาก การลงทุนกับแบรนด์ที่รับประกันยาวนาน 25 ปี และมีศูนย์บริการในประเทศไทยจะคุ้มค่ากว่ามาก เพราะถ้ารับประกันน้อย เมื่อต้องเปลี่ยนหรือมีการซ่อมละก็ อาจจะไม่คุ้มค่าในระยะยาว
- วางแผนเพื่อการขยายระบบ: หากคุณมีแผนจะเพิ่มจำนวนแผงในอนาคต การเลือก Micro inverter รุ่น 4-in-1 หรือ 6-in-1 ตั้งแต่แรก จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและพื้นที่ติดตั้งได้ในระยะยาว แต่ไม่จำเป็นเสมอไป เพราะ Micro Inverter สามารถเพิ่มแผงได้ง่ายกว่า Sting inverter อยู่แล้ว
- เปรียบเทียบงบประมาณกับผลตอบแทน: แม้ราคาต่อวัตต์ของไมโครอินเวอร์เตอร์จะสูงกว่า แต่ผลผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 5-12% ต่อปี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีเงาบังบ่อย อาจทำให้คุ้มทุนเร็วกว่าภายใน 6-8 ปี
อย่างไรก็ตาม ถ้าบ้านหรืออาคารของคุณ ไม่ได้มีเงาบัง การใช้ String Inverter จะต้นทุนต่อวัตต์ถูกกว่า ทำให้คืนทุนไวกว่า Micro Inverter และ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมเช่น optimizer ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาเงาบังได้ด้วยเช่นเดียวกัน ในราคาที่ถูกกว่า
สรุปเกี่ยวกับ Micro Inverter ปี 2025
ในปัจจุบันนั้น ไมโครอินเวอร์เตอร์เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะ ช่วยยกระดับความปลอดภัย และเพิ่มผลผลิตให้ระบบโซลาร์เซลล์ที่มีเงาบังได้อย่างชัดเจน โดยปี 2025 ตลาดมีตัวเลือกครบทุกช่วงกำลัง ตั้งแต่ Enphase IQ8 ไปจนถึง Deye SUN‑G3 การเลือกแบรนด์ Micro Inverter ที่ใช่ จึงไม่ใช่แค่การดูราคาที่ถูกเพียงอย่างเดียว แต่คือการมองภาพรวมของการรับประกัน ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ และบริการหลังการขาย เพื่อให้การลงทุนในพลังงานสะอาดของคุณคุ้มค่าที่สุดในระยะยาวครับ









